5 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบไฟฟ้าโรงงาน เช่น ไฟตก ไฟกระชาก ระบบโหลดเกิน พร้อมแนวทางป้องกันเพื่อรักษาความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ในยุคอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ “ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม” ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญสูงสุด หากระบบไฟฟ้าเกิดปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตโดยรวม ความปลอดภัยของบุคลากร และการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้จึงรวบรวม 5 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมแนวทางป้องกันและการจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนดูแลระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 ปัญหาที่พบบ่อยในระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมแนวทางป้องกันและการจัดการอย่างเป็นระบบ
1. ไฟตก (Undervoltage)
ปัญหา: ไฟตก คือการที่แรงดันไฟฟ้าลดลงต่ำกว่าค่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้อุปกรณ์และเครื่องจักรไฟฟ้าทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจหยุดทำงานกลางคัน หรือเกิดความเสียหายสะสมกับอุปกรณ์ประเภทมอเตอร์และคอนโทรล
แนวทางป้องกัน:
- ติดตั้ง Voltage Stabilizer หรือเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า
- ตรวจสอบความพร้อมของระบบจ่ายไฟจากการไฟฟ้า
- ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจนำไปสู่ไฟตก
2. ไฟกระชาก (Surge)
ปัญหา: ไฟกระชากมักเกิดจากฟ้าผ่าหรือการเปิด/ปิดอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง ทำให้แรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นชั่วขณะ ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายโดยไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะวงจรควบคุม และระบบคอมพิวเตอร์
แนวทางป้องกัน:
- ติดตั้ง Surge Protection Device (SPD) บริเวณตู้ควบคุมไฟฟ้า
- ปรับปรุงระบบ Grounding ให้มีประสิทธิภาพ
- ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมหลังเกิดเหตุไฟกระชากเพื่อตรวจสอบความเสียหายภายในระบบ
3. ระบบโหลดเกิน (Overload)
ปัญหา: เมื่อใช้ไฟฟ้าเกินขีดความสามารถที่ระบบออกแบบไว้ จะทำให้เบรกเกอร์ตัดไฟหรือสายไฟร้อนจนเสี่ยงต่อการลุกไหม้ ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ร้ายแรงในโรงงาน
แนวทางป้องกัน:
- ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบกระแสไฟแบบเรียลไทม์ (Real-Time Monitoring)
- กระจายโหลดการใช้งานอย่างเหมาะสมในแต่ละเฟส
- ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประเมินความสามารถในการรองรับโหลดใหม่อยู่เสมอ
4. ระบบสายดินไม่สมบูรณ์ (Improper Grounding)
ปัญหา: ระบบ Grounding ที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้ไฟฟ้ารั่วไม่สามารถไหลลงดินได้อย่างปลอดภัย เสี่ยงต่อการช็อตหรือเกิดประกายไฟเมื่อมีไฟรั่ว
แนวทางป้องกัน:
- ตรวจสอบความต้านทานดินตามมาตรฐานทุกปี
- ใช้สายทองแดงคุณภาพสูงสำหรับระบบ Grounding
- ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์จุดที่มีปัญหาด้านระบบดิน
5. อุปกรณ์ควบคุมและตู้ MDB เสื่อมสภาพ
ปัญหา: อุปกรณ์ที่ใช้งานมายาวนาน เช่น ตู้เมนเบรกเกอร์ (MDB) หรือเบรกเกอร์ย่อย อาจเสื่อมสภาพ มีคราบคาร์บอน หรือสปริงภายในหลวม ส่งผลให้ไฟฟ้าตัดบ่อยหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
แนวทางป้องกัน:
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- เปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี
- ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างละเอียด โดยเฉพาะอุปกรณ์ภายในตู้ MDB
ตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม: ทางรอดของธุรกิจ
การวางระบบ PM (Preventive Maintenance) เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารความเสี่ยงทางไฟฟ้าในโรงงาน การตรวจระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลด Downtime และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในอนาคต
การตรวจระบบไฟฟ้าควรครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงระบบจำหน่าย ระบบแสงสว่าง ระบบสำรองไฟ และอุปกรณ์ควบคุม โดยควรมีการจัดเก็บบันทึกผลการตรวจสอบเพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง
NCW Electric – ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม
บริษัท เอ็น ซี ดับบลิว อิเลคทริค จำกัด (N C W) เป็นบริษัทที่ให้บริการตรวจสอบ บำรุงรักษาและติดตั้งระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ทีมงานของเราประกอบด้วยวิศวกรไฟฟ้ามืออาชีพที่มีใบอนุญาตจากสภาวิศวกร พร้อมประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในการทำงานร่วมกับโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบ PM การตรวจสอบระบบ MDB NCW Electric มีความพร้อมทั้งเครื่องมือทันสมัยและความรู้เฉพาะทางที่สามารถให้คำปรึกษาเชิงลึกอย่างแม่นยำ พร้อมจัดทำรายงานมาตรฐานที่สามารถใช้ในการยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐหรือประกอบการตรวจสอบ ISO
หากคุณเป็นเจ้าของโรงงาน ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม หรือวิศวกรไฟฟ้า และกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ที่เชื่อถือได้ในด้านระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม NCW Electric พร้อมช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดปัญหาหยุดชะงัก และรักษาความปลอดภัยของพนักงานและอาคารของคุณในระยะยาว