แนวทางการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคาร ปี 2568 ตามกฎหมายใหม่ เจ้าของอาคารต้องปฏิบัติอย่างไรให้ถูกต้อง ครบถ้วน และปลอดภัยตามข้อกำหนด
ในปี 2568 นี้ เจ้าของอาคารและผู้มีหน้าที่ดูแลอาคารต่างๆ ต้องเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมายใหม่ที่กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศปรับปรุง เพื่อเพิ่มมาตรฐานด้านความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยที่เกิดจากระบบไฟฟ้าชำรุดหรือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งบทความนี้จะมาอัปเดตข้อมูลสำคัญ พร้อมแนวทางที่เจ้าของอาคารควรปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่และสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ชีวิตและทรัพย์สินภายในอาคาร

ทำไมต้องตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคารให้สอดคล้องกับกฎหมายปี 2568
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในปี 2568 นี้ ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดของกฎกระทรวงฉบับใหม่ ซึ่งเน้นการตรวจสอบเชิงลึก การจัดทำรายงาน และการเก็บข้อมูลการตรวจเช็กย้อนหลังไว้เป็นหลักฐานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กฎหมายใหม่ปี 2568 ระบุอะไรบ้างเกี่ยวกับการตรวจสอบระบบไฟฟ้า
- ต้องตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในอาคารอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
โดยเฉพาะอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า และอาคารชุดพักอาศัย - ผู้ตรวจสอบต้องมีใบอนุญาตและขึ้นทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ. วิศวกร
เพื่อรับรองว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง - เนื้อหาการตรวจสอบต้องครอบคลุมทุกองค์ประกอบของระบบไฟฟ้า
ได้แก่ ตู้เมนไฟฟ้า (MDB), ระบบสายไฟหลัก-รอง, ระบบกราวนด์, เบรกเกอร์, ระบบสำรองไฟ และระบบควบคุมความร้อนสะสม - ต้องจัดทำรายงานการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างละเอียด
และเก็บไว้ให้หน่วยงานตรวจสอบย้อนหลังได้นาน 3 ปี - ระบบไฟฟ้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานต้องได้รับการแก้ไขทันที
และต้องมีรายงานผลการแก้ไขแนบไปกับผลตรวจสอบ
แนวทางการเตรียมความพร้อมสำหรับเจ้าของอาคาร
- วางแผนล่วงหน้าในการตรวจสอบระบบไฟฟ้า
ควรนัดหมายบริษัทรับตรวจสอบระบบไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตถูกต้องตั้งแต่ต้นปี เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า และจัดคิวงานให้ตรงกับรอบตรวจที่กำหนด - เก็บรวบรวมแปลนระบบไฟฟ้าเดิมของอาคารให้ครบถ้วน
เพื่อให้ผู้ตรวจสอบสามารถวิเคราะห์โครงสร้างและระบบสายไฟได้แม่นยำยิ่งขึ้น - จัดเตรียมสถานที่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมในวันตรวจสอบ
เช่น พนักงานไฟฟ้าประจำอาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิดระบบและให้ข้อมูลจำเป็น - วางแผนซ่อมแซมตามคำแนะนำในรายงานผลตรวจสอบระบบไฟฟ้า
เพื่อให้ระบบกลับมาอยู่ในมาตรฐาน และป้องกันการถูกร้องเรียนหรือสั่งปรับจากหน่วยงานภาครัฐ
องค์ประกอบสำคัญที่ต้องตรวจสอบในระบบไฟฟ้า
- ตู้เมนไฟฟ้า (MDB) และแผงควบคุม ต้องไม่มีคราบไหม้ จุดร้อน หรือเบรกเกอร์เสื่อม
- ระบบกราวนด์และสายดิน ต้องมีค่าความต้านทานไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
- สายไฟ ต้องไม่มีการต่อพ่วงไม่ถูกวิธี หรือสายชำรุดฉนวนแตก
- อุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่เสี่ยง ต้องมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ (ELCB หรือ RCBO)
- ระบบสำรองไฟ (UPS หรือ Generator) ต้องทดสอบการทำงานและบำรุงรักษาตามรอบ
การเลือกบริษัทรับตรวจสอบระบบไฟฟ้า
เจ้าของอาคารควรเลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีผลงานตรวจระบบไฟฟ้าในอาคารประเภทเดียวกัน และมีวิศวกรไฟฟ้าที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร รวมถึงมีเครื่องมือวัดมาตรฐาน เช่น เทอร์โมสแกน, Earth Tester, Insulation Tester และอื่นๆ ที่สามารถวัดค่าความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ
บริษัท เอ็น ซี ดับบลิว อิเลคทริค จำกัด (N C W) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบระบบไฟฟ้า
หากคุณกำลังมองหาบริษัทตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือในปี 2568 บริษัท เอ็น ซี ดับบลิว อิเลคทริค จำกัด (N C W) คือหนึ่งในผู้ให้บริการที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรทั่วประเทศ เราเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคาร ทั้งระบบแรงสูงและแรงต่ำ ด้วยทีมวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตและประสบการณ์จริงในภาคสนามกว่า 20 ปี
บริการของ N C W ครอบคลุมทั้งการตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี การตรวจสอบตู้เมนไฟฟ้า ตรวจสอบจุดต่อสายต่างๆ ระบบกราวนด์ ระบบสำรองไฟ และการจัดทำรายงานผลตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด พร้อมคำแนะนำการแก้ไขอย่างชัดเจน ช่วยให้เจ้าของอาคารสามารถนำไปใช้ปรับปรุงและดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายใหม่ได้อย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ N C W ยังมีบริการให้คำปรึกษา วางแผนรอบการตรวจสอบล่วงหน้า พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลระบบไฟฟ้าให้มีอายุการใช้งานยาวนานและปลอดภัยสูงสุด